งานไม้ ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัยด้วยก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ด้วยลวดลายของผิวสัมผัส และคุณค่าของไม้จริงนั้นก็ ยังไม่มีวัสดุทดแทนตัวใดๆมาแทนได้  และก็ยังคงเป็นที่นิยม ของท่านผู้เป็นเจ้าของบ้านที่ชอบความมีเสน่ห์ของไม้ ไม่ว่าจะเป็นความธรรมชาติจากลายไม้ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ความคลาสสิก และให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ชวนให้น่าหลงไหล จึงไม่แปลก ที่หลายๆ บ้าน จะนำเอาไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นพื้น ผนัง ระเบียง ระแนง หรืออื่นๆ อีกมากมาย  จึงไม่แปลก ที่หลายๆ บ้าน จะนำเอาไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้าน
%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b8%a2

ในปัจจุบันเมื่อไม้จริงเริ่มลดน้อยลงและ มีราคาสูงขึ้น จึงมีวัสดุทดแทนไม้ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้มากขึ้นอีกทั้งผู้ผลิตได้พัฒนาไม้ชนิดต่างๆเพื่อตอบสนองการใช้งาน และมีราคาที่หลากหลายให้เลือกใช้ ซึ่งในท้องตลาดปัจจุบันมีไม้สำเร็จชนิดต่างๆให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ผลิตออกมาใช้กันมากมายในตลาด  บางชนิดมีที่ลวดลายที่มีเสน่ห์สวยงามไม่แพ้ไม้จริงๆ  แต่มีข้อจำกัดที่ไม่สามารถใช้ภายนอกอาคาร หรือ พื้นที่กลางแจ้งได้

%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%87%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9b%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b5%e0%b8%a2

 

 

หลักๆแล้วไม้จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท   คือ ไม้เนื้อแข็ง หรือ Hard wood และไม้เนื้ออ่อน หรือ Soft wood โดยไม้ที่มีใบกว้างเราจะเรียกว่าเป็นไม้เนื้อแข็ง ในขณะที่ไม้ที่มาจากพืชตระกูลสนเราจะเรียกว่า ไม้เนื้ออ่อน ซึ่งในความเป็นจริง ไม้ในกลุ่มหลังนี้ก็มีความแข็งที่สามารถจัดเข้ากลุ่มแรกได้

ไม้เนื้อแข็ง เป็นไม้ที่มีวงปีมากกว่าไม้เนื้ออ่อน เพราะมีการเจริญเติบโตช้ากว่า คือต้องมีอายุหลายสิบปี จึงจะนำมาใช้งานได้ ลักษณะทั่วไปของไม้จะมีเนื้อมัน ลายละเอียด เนื้อแน่น สีเข้ม (แดงถึงดำ) มีน้ำหนักมาก แข็งแรงทนทาน เช่น ไม้สัก ไม้ตะแบก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ เป็นต้น เหมาะสำหรับงาน เฟอร์นิเจอร์ งานก่อสร้างบ้าน และเครื่องมือ

ไม้เนื้ออ่อน เป็นไม้ที่มีวงปีกว้างมาก เนื่องจากเป็นไม้โดเร็ว ลำต้นใหญ่ เนื้อค่อนข้างเหนียว แต่ทำงานได้ง่าย เนื้อไม้มีจางหรือ ค่อนข้างซีด อาทิ ไม้กระบาก ไม้ยาง ไม้ฉำฉา ไม้เหียง ไม้โมก ไม้กระท้อน ไม้ยมหอม ไม้จำปาป่า ไม้สนต่างประเทศ เหมาะกับงานในที่ร่มหรืองานชั่วคราว งานตกแต่ง และเครื่องมือเครื่องใช้

ชนิดของไม้ที่นิยมใช้ ในบรรดาไม้ประเภทต่างๆ มีไม้เพียงไม่กี่ชนิด ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในด้านการก่อสร้างและ เครื่องเรือน โดยที่นิยมกันเป็นส่วนมากก็จะเป็น

ไม้สัก เป็นไม้เนื้อละเอียด นิ่ม ง่ายต่อการใช้เครื่องมือ ไม้มีกำลังและแข็งพอประมาณ แต่ค่อนข้างเปราะ ปลวกไม่กิน เลื่อยผ่าซอยง่าย บิดตัวและงอเล็กน้อยเมื่อแห้ง ไม้สักมีหลายชนิด และมีลักษณะคล้ายกัน เช่น สักทอง และสักขึ้ควาย โดยสักทองจะมีสีเหลืองสวย ส่วนสักขึ้ควายจะมีสีคล้ำและลวดลายสับสน เหมาะในการนำมาใช้ทำเครื่องเรือน เช่นตู้ โต๊ะ เก้าอี้ เรือ หรือทำประตูหน้าต่าง

 

ไม้ยาง เป็นไม้เสี้ยนใหญ่ หยาบ และอ่อน เหมาะกับการใช้ในที่ร่ม เนื่องจากมียางมาก แห้งตัวช้า และยือหดตัวสูง เมื่อหดตัวยางจะปะทุออกจากเนื้อไม้ เลื่อยซอยง่าย เนื้อไม้สีแดงเข้มจะแข็งแรงกว่าไม้สีอ่อน ไม้ชนิดนี้นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์  หรือแม้แต่”เตียงผู้ป่วยแบบไม้เตียงคนไข้” ก็มีการนำไม้ยางมาเป็นวัสดุประกอบเช่นกัน

ไม้เต็ง เนื้อไม้มีสีน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างแห้ง และละเอียด ทนทานต่อดินฟ้าอากาศ เมื่อหดตัวมักแตกเป็นลายงา เลื่อยตัดยากเมื่อแห้ง เหมาะกับงานภายนอก และส่วนที่ใช้รับน้ำหนักหรือเป็นโครงสร้าง เช่น เสา คาน ตง สะพาน บันได

ไม้รัง เนื้อละเอียดปานกลาง สีน้ำตาลอมเหลือง เนื้อไม้ เมื่อแห้งแตกค่อนข้างน้อย คุณสมบัติอื่นๆ เหมือนไม้เต็ง

ไม้แดง เนื้อไม้แน่น สีแดง ลวดลายสวย แข็งแรง ทนทาน ทำให้ตัดเจาะยาก ใช้ทำโครงสร้างอาคาร เช่น เสา คาน ตง และเครื่องเรือนพิเศษ เพราะรับน้ำหนักได้ดี และไม่ยึดหดตัวมาก

ไม้ตะแบก เนื้อไม้สีเทาอมเหลือง เนื้อละเอียดใสและขึ้นเงา มีลวดลายชัดเจน ทำให้ตกแต่งง่าย เหมาะในการก่อสร้างบ้าน และทำด้ามเครื่องมือ

ไม้มะค่าโมง มีสีน้ำตาลปนแดง มีความแข็วแรงทนทาน เมื่อกลึงจะเห็นลวดลายสวยงาม เหมาะสำหรับทำบันไดหรือเป็นโครงสร้าง

ไม้ยังคงเป็นที่นิยมเพราะ เสน่ห์ของไม้ที่จะช่วยเติมแต่งให้บ้านดูน่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น ทำบรรยากาศที่ทำให้บ้านดูคลาสสิค ตกแต่งในสไตล์วินเทจหรือบ้านแบบร่วมสมัยก็ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความเป็นธรรมชาติ ทำให้ความรู้สึกที่อบอุ่น ชวนให้น่าหลงไหล จึงไม่แปลก ที่หลายๆ บ้าน จะนำเอาไม้มาเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งบ้าน ท่านผู้เป็นเจ้าของบ้านที่ชอบความมีเสน่ห์ของไม้ ก็ต้องหมั่นดูแลรักษาไม้ในบ้านให้ดูใหม่อยู่เสมอ เพราะยิ่งเราใช้และทำความสะอาดขัดมันอยู่ตลอด พื้นไม้จะยิ่งสวยขึ้น เงางาม และดูเหมือนใหม่อยู่ตลอดเวลา ต่างจากวัสดุอื่นๆที่ยิ่งใช้จะยิ่งเก่ายิ่งโทรม จัดเป็นเสน่ห์ของงานไม้ที่หาไม่ได้จากวัสดุอื่นๆ เพราะฉะนั้นเราก็ควรดูแลรักษาพื้นไม้ของเราให้ดี จะได้ใช้กันไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกันเลย