ความเสี่ยงโรคตับมีอยู่ในตัวเราทุกคนค่ะ ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนที่ดื่มเหล้าเป็นประจำเท่านั้น เพราะหน้าที่ของตับคือช่วยคัดกรองทั้งสารอาหารและช่วยกำจัดของเสียไปในคราวเดียวกัน ซึ่งภาระนี้ก็หนักหนาสาหัสใช่ย่อย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตับของเรายังสบายดีอยู่ หรือมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับเครื่องในส่วนสำคัญส่วนนี้ซะแล้ว เอาเป็นว่ามาเช็กอาการโรคตับเบื้องต้นกัน อย่าปล่อยให้ต้องถึงขั้นนอนเตียงผู้ป่วยกันเลยนะคะt_4

1. ตาเหลือง

เพราะเลือดมีปริมาณบิลิรูบิน (Bilirubin) มากเกินไป จากการที่ตับทำงานได้ไม่สมบูรณ์ ทำให้บิลิรูบินคั่งอยู่ในกระแสเลือด และมีโอกาสเข้าไปจับตัวกับเนื้อเยื่อต่าง ๆ ก่อให้เกิดอาการตาขาวกลายเป็นสีเหลือง หรือหากอาการหนักมากตัวก็อาจเป็นสีเหลืองไปด้วย

2. ตาขาวมีเส้นเลือดปรากฏ

เมื่อตับทำงานบกพร่อง หรือทำงานหนักเงินไป อาจส่งสัญญาณมาถึงร่างกาย ทำให้มีอาการตาแดง มีเส้นเลือดขึ้นในตาขาวอย่างชัดเจน แม้จะไม่ได้ใช้งานสายตามากเลยก็ตาม

  1. น้ำตาคลอตลอดเวลา

    ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน จะถือเอาว่าตับเป็นหน้าต่างของดวงตา ฉะนั้นหากเกิดความผิดปกติต่อดวงตา เช่น จู่ ๆ ก็มีน้ำตาคลอตลอดเวลา โดยที่ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกใด ๆ หรือไม่มีปัจจัยเร้าอย่างฝุ่นมาทำให้ดวงตาระคายเคือง แบบนี้อาจแปลได้ว่าตับกำลังส่งสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือจากคุณอยู่

    4. หน้าคล้ำ หมอง

    หากตับทำงานได้ไม่เป็นปกติ ไม่สามารถขับสารพิษออกจากร่างกายได้อย่างที่ควรจะเป็น อาจมีอาการใบหน้าหมองคล้ำไม่ผ่องใสให้เห็นกันบ้าง โดยเฉพาะหากมีเส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาระหว่างคิ้วหรือขมับ อาการนี้ค่อนข้างชัดว่าใช่

    5. หลอดเลือดดำใต้โคนลิ้นขอด

    หากหลอดเลือดดำ 2 เส้นบริเวณใต้โคนลิ้นมีลักษณะคล้ำผิดปกติ โป่งพอง หรือคดงอผิดรูป อาจเป็นไปได้ว่าระบบหมุนเวียนเลือดกำลังมีปัญหา ที่อาจมีต้นตอมาจากการทำงานบกพร่องของตับ

 

  1. เล็บเปราะหักง่าย

    เมื่อตับทำงานได้ไม่เต็มที่ แสดงว่าร่างกายเราอาจได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอไปด้วย เพราะอย่าลืมว่าตับจะช่วยคัดกรองสารอาหารเพื่อป้อนเข้าสู่ร่างกายอีกที ด้วยเหตุนี้ในผู้ป่วยโรคตับอาจมีอาการเล็บเปราะ หักง่ายด้วยimages-5

    7. ผิวบอบช้ำง่าย

    ตับทำงานได้ไม่ดี การหมุนเวียนของเลือดก็ย่อมมีปัญหา ซึ่งจุดนี้อาจทำให้เส้นเลือดเปราะบางไม่แข็งแรง จนกลายเป็นคนที่มีผิวบอบบางช้ำง่าย โดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นรอยช้ำ หรือมีเลือดออกง่ายผิดปกติ

    8. เลือดออกที่เหงือก

    ดูคล้าย ๆ โรคเหงือกที่เกิดจากปัญหาสุขภาพฟัน แต่หากพบทันตแพทย์แล้วยังรักษาไม่หาย นั่นอาจแปลได้ว่าตับกำลังมีปัญหา โดยอาจมีภาวะตับอักเสบหรือเป็นโรคตับแข็ง

  1. อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย

 

          หากมีอาการอ่อนเพลียเป็นประจำ ทำอะไรก็เหนื่อยง่าย ทั้งยังมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด และอาเจียนร่วมด้วย อย่างนี้ควรไปตรวจเลือดเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติที่แน่ชัด เพราะคุณอาจเสี่ยงเป็นโรคตับหรือมะเร็งตับได้

 
 

  1. ปวดท้องโดยไม่ทราบสาเหตุ

    Pain in the right side of the woman

    อาการปวดท้องแบบระบุตำแหน่งได้ไม่ชัด หรือมีอาการปวดท้องบ่อย ๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าตับกำลังมีปัญหา มีความเสี่ยงโรคมะเร็งในท่อน้ำดีและมะเร็งตับได้

    11. ปัสสาวะเป็นสีคล้ำ

    แม้จะดื่มน้ำมากแล้วแต่ปัสสาวะก็ยังมีสีคล้ำ แบบนี้ให้สังเกตตัวเองให้ดีว่ามีอาการบ่งชี้อื่น ๆ เช่น ตาเหลือง ผิวเหลือง ร่วมด้วยหรือเปล่า

    12. ผิวแห้ง คันตามเนื้อตามตัว

    เมื่อผิวขาดความชุ่มชื้นและสารอาหารจากการที่ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ ก็อาจทำให้เกิดอาการผิวแห้งตึง นำมาซึ่งอาการคันตามเนื้อตามตัวเป็นลำดับต่อไป

  2. ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย

    เมื่อตับมีประสิทธิภาพการทำงานลดลง ระบบเผาผลาญของเราจะลดลงไปด้วย ส่งผลให้อาหารที่กินเข้าไปไม่ย่อย ก่อให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้

    14. ท้องโต เท้าบวม

    เพราะการดูดซึมของตับลดประสิทธิภาพลง จึงทำให้มีอาการท้องบวม ขาบวม และหากมีไข้เรื้อรังร่วมด้วย อันนี้ส่อสัญญาณอันตรายมากขึ้น ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจน

    15. บุคลิกภาพหรือไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป

    ในบางรายอาจมีอาการขี้หลงขี้ลืมง่ายขึ้น ไม่มีสติ เปลี่ยนเวลานอน หรือดูไม่เหมือนคนเดิมได้ นั่นเพราะมีสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกายจนเลือดไหลเวียนไม่ดี ออกซิเจนที่มีในร่างกายก็น้อยลง ส่งผลให้เกิดความผิดปกติต่อบุคลิกภาพและการดำเนินชีวิตในบางส่วน

    อาการส่อสัญญาณโรคตับดังกล่าวอาจเป็นเพียงข้อสังเกตในเบื้องต้นเท่านั้น แต่หากไม่แน่ใจว่าตัวเองมีความเสี่ยงโรคตับมากน้อยแค่ไหน แนะนำให้ไปตรวจกับแพทย์โดยตรงจะดีกว่านะคะ